top of page

ก่อนซื้อเเม่ต้องเช็ก! ขนม และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูก

ree

แม่ๆ รู้ไหม เค้ก คุกกี้ ชานมไข่มุก ชานม น้ำอัดลม และช็อกโกแลต อาหารเหล่านี้มีส่วนผสมของคาเฟอีนที่ไม่เหมาะให้ลูกๆ รับประทานมากจนเกินไปค่ะ 


โดยเครื่องดื่มชาเขียว ชาเย็น หรือแม้แต่ชานมไข่มุก ซึ่งดูเเล้วว่าเป็นเครื่องดื่มมีฤทธิ์อ่อนกว่ากาแฟ แต่ก็ยังมีปริมาณคาเฟอีนที่แฝงอยู่ไม่น้อย 


คาเฟอีนคืออะไร ? 


คาเฟอีน (Caffeine) คือสารในกลุ่มแซนทีนอัลคาลอยด์ (Xanthine alkaloid) เป็นสารสีขาวที่มีรสขม ไม่มีกลิ่น และมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า ลดความง่วง ทำให้รู้สึกสดชื่น มีสมาธิจดจ่อกับการทำงานหรือทำกิจกรรมมากยิ่งขึ้น และลดความเหนื่อยล้าลงได้ ซึ่งพบมากใน เมล็ดกาแฟ ใบชา เมล็ดโกโก้ และเมล็ดโคล่า


คาเฟอีนออกฤทธิ์ต่อร่างกายอย่างไร ? 


เมื่อคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกาย จะถูกดูดซึมจากกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก เพื่อเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว แล้วจะถูกส่งต่อที่ตับและแตกตัวเป็นสารประกอบที่กระตุ้นระบบประสาทและอวัยวะอื่น ๆ เช่น สมอง และไขสันหลัง 


ผลเสียจากคาเฟอีนมีอะไรบ้าง ? 


หากลูกๆ ของคุณเเม่ได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนี้


  1. ปวดหัว ไม่มีสมาธิจดจ่อกับการเรียน 


  2. ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ ทำให้เสี่ยงเกิดอาการขาดน้ำ


  3. มีพฤติกรรมดื้อ หรือซนเพิ่มมากขึ้น


  4. เสี่ยงมี่ความดันโลหิตสูง เพราะว่า คาเฟอีนจะไปกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ทำให้ความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้น


  5. ขัดขวางการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย : เช่น แคลเซียม สังกะสี ธาตุเหล็ก ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตต่อร่างกาย


  6. นอนไม่หลับ : คาเฟอีนมีสารที่ทำให้ตื่นตัวตลอดเวลา เมื่อนอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ Growth hormones ก็จะทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เด็กไม่เจริญเติบโตตามวัยอย่างที่ควรจะเป็น



นอกจากนี้ครูก้อยยังสืบค้นพบว่า เด็กที่ได้รับคาเฟอีนเป็นประจำ ส่งผลเสียต่อระบบประสาทได้มากถึง 33% เลยค่ะ 


โดยในงานวิจัยเรื่อง Energy Drinks and Adverse Health Events in Children and Adolescents: A Literature Review  ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อปี 2023 


ได้ศึกษาพบว่า เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่รับประทานเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนเป็นประจำแล้วส่งผลกระทบต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น การทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดเเย่ลง 45% การทำงานของระบบประสาทแแย่ลง 33% และการทำงานอื่นๆของอวัยวะต่างๆ เช่น ไต เเย่ลงอีก 22%  


อีกทั้งทางแพทยสมาคมเด็กแห่งสหรัฐอเมริกา (AAP) ได้ให้คำแนะนำว่า เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ควรบริโภคขนมหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และในเด็กที่อายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป ควรได้รับไม่เกิน 85-100 มก./วัน ซึ่งเทียบเท่ากับกาแฟหนึ่งแก้วหรือโซดาสองกระป๋อง 



วันนี้ครูก้อยพาแม่ๆ มาดูกันค่ะว่า ขนมและเครื่องดื่มแบบใดบ้าง ที่มีคาเฟอีนแฝงอยู่


  1. น้ำอัดลม : เป็นเครื่องดื่มแก้กระหายที่ดื่มแล้วสดชื่นในวันที่อากาศร้อน แต่ในน้ำอัดลมก็มีปริมาณคาเฟอีนที่สูง เช่น ในน้ำอัดลมโคล่า มีปริมาณคาเฟอีน เท่ากับ 9.6 มก./100 มล. และมีปริมาณน้ำตาลที่สูงเช่นเดียวกันค่ะ  


  2. ช็อกโกแลต : เป็นขนมทานเล่นที่น่าโปรดปรานสำหรับลูกๆ แต่แฝงไปด้วยคาเฟอีน เนื่องจากมีสารคาเฟอีนอยู่ในเมล็ดโกโก้ที่นำมาทำเป็นช็อกโกแลต โดยปริมาณคาเฟอีนในช็อกโกแลต เท่ากับ 6 มก./100 มล. เพราะฉะนั้นแล้วหากเป็นช็อกโกแลตที่ทำจากโกโก้แท้และมีความเข้มข้นสูงก็ย่อมมีปริมาณคาเฟอีนสูงตามไปด้วยค่ะ  


  3. กาเเฟ : เป็นเครื่องดื่มที่เด็กๆ อายุ 12 ปีขึ้นไปชอบรับประทาน เนื่องจากในกาแฟมีคาเฟอีนที่ช่วยให้เด็กๆ ตื่นตัว ลดความง่วงในระหว่างการเรียนหรือทำกิจกรรมต่างๆได้ โดยในกาแฟมีปริมาณคาเฟอีนมากถึง 40-70 มก./100 มล. เลยทีเดียวค่ะ 


  4. ชาเย็น : เป็นเครื่องดื่มที่ลูกๆ ชอบรับประทาน เนื่องจากมีรสชาติที่หวาน หอม และอร่อย เเต่ก็มีคาเฟอีนแฝงอยู่ไม่น้อย โดยมีปริมาณเท่ากับ 20-30 มก./100 มล. 


  5. ชานมไข่มุก : เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตอีกหนึ่งเครื่องดื่ม ที่ลูกๆโปรดปราน ไม่เเพ้กัน เเต่ก็มีคาเฟอีนผสมอยู่ในปริมาณไม่ต่างกับชาเย็นเลย คือ 20-30 มก./100 มล. 


  6. เบเกอรี่ เช่น คุกกี้ และเค้ก : จะเป็นเบเกอรี่ที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลต ชาเขียว ชาไทย กาแฟก็จะมีคาเฟอีนแฝงอยู่เช่นเดียวกันค่ะ 

            

ดังนั้นการรับประทานขนมหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนควรอยู่ภายใต้การดูแลของครอบครัว และคอยควบคุมปริมาณให้เหมาะสม เพราะหากได้รับในปริมาณที่สูงเกินติดต่อกันเป็นเวลานานจะส่งผลต่อเสียต่อสุขภาพของลูกๆได้ 


นอกจากนี้ คุณเเม่ควรพาลูกๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกๆ มีสุขภาพที่ดี แข็งเเรง เเละเติบโตได้อย่างสมวัยค่ะ 


Comentários


bottom of page